วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การจัดการเรียนการสอนโดยใช้การวิจัยเป็นฐาน (RBL)


1.บทนำเข้าสู่การจัดการศึกษาแบบ RBL


         การเสนอแนวคิดและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการสอนแบบ RBL เพื่อให้อาจารย์ของสถาบันราชภัฏสวนสุนันทาได้ใช้เป็นแนวให้การจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนในระดับอุดมศึกษา ตามแนวทางของการปฏิรูปการเรียนรู้แห่งนัยของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542 โดยขอเสนอสาระสำคัญเกี่ยวกับ(ก)นิยาม(ข)เหตุผล (ค)ลักษณะ (ง)ทฤษฎี (จ)รูปแบบ(ฉ)วิธีการจัด การศึกษาแบบ RBL ตามลำดับ

2.นิยามของการจัดการศึกษาแบบRBL

          การเรียนรู้เป็นการจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์เพื่อให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์ กระบวนการเรียนรู้ประกอบด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ การจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์เรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 
                        
          การจัดการเรียนรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเกี่ยวข้องการทั้งกระบวนการเรียนและการสอน การเรียนนั้นเป็นบทบาทของผู้เรียนส่วนการสอนเป็นบทบาทของผู้สอน การเรียนรู้แบบ RBL เป็นการจัดการเรียนการสอนที่นำ ‘การวิจัย’เข้ามาเป็นเครื่องมือของการจัดการเรียนการสอน

3.เหตุผลของการจัดการศึกษาแบบRBL

          รศ.ดร.ไพทูรย์ สินลารัตน์ คณบดีคณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้กล่าวไว้ในหนังสือชื่อ ‘การเรียนการสอนที่มีการวิจัยเป็นฐานว่า ’การจัดการเรียนรู้แบบเดิมนั้นไม่สามารถตอบสนองความต้องการใหม่ได้ เมื่อก่อนสถาบันอุดมศึกษาผลิตคนแบบ’จำทำ’เพื่อไปทำงานในระบบราชการ แต่ปัจจุบันการอุดมศึกษาต้องผลิตคนแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้สูงไปให้แก่ระบบธุรกิจ การเรียนการสอนแบบ’พูดบอกเล่า’ ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการใหม่ของอุดมศึกษาได้อีกต่อไป ตามรูป

                                 
          ศ.นพ.จรัส สุวรรณเวลา อดีตอธิการบดีของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยได้กล่าวว่าในหนังสือชื่อ ‘การศึกษาที่มีการวิจัยเป็นฐาน’ ว่าการวิจัยนั้นเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่สามารถสร้างคุณลักษณะหลายอย่างที่การศึกษาต้องการได้ การวิจัยสามารถปรับเปลี่ยนบุคคลให้ตั้งอยู่บนฐาน ข้อมูลและเหตุผล มีวิจารณญาณ วิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์และเกิดนวัตกรรมได้ ขั้นตอนของการวิจัยไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงความรู้ การประเมินความเชื่อได้ของความรู้ การตีค่า ความอิสระทางความคิดและเป็นตัวของตัวเองย่อมนำมาใช้เป็นเครื่องมือของการเรียนรู้ได้ทั้งสิ้น                                

          ศ.ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ได้กล่าวไว้ในบทความเรื่อง การสอนแบบ Research-Based Learning ว่า จุดเริ่มต้นของการสอนแบบ RBL มาจากความสงสัยที่ว่า เป็นไปได้ไหมที่เราจะใช้วิธีการแสวงหาความรู้เป็นวิธีสอน ถ้าการศึกษาต้องการสร้างบัณฑิตให้เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยสติปัญญา มีความรู้จักตนเอง ใฝ่รู้อยู่เสมอ คิดริเริ่ม สร้างสรรค์ รอบคอบ ไตร่ตรองเหตุผลรับผิดชอบ เห็นการณ์ไกล มีศีลธรรม เสียสละ ซึ่งสอดคล้องคุณธรรมของนักวิจัยแล้ว ทำไมจึงไม่ใช้การวิจัยเป็นกระบวนการเรียนการสอนเสียเลย


4. ลักษณะสำคัญของการจัดการศึกษาแบบ RBL

          ลักษณะของการจัดการศึกษาแบบ RBL มีดังนี้ คือ หลักการที่1.แนวคิดพื้นฐาน
เปลี่ยนแนวคิดจาก’เรียนรู้โดยการฟัง/ตอบให้ถูก’ เป็น ‘การถาม/หาคำตอบเอง’ หลักการที่2.เป้าหมาย เปลี่ยนเป้าหมายจาก’การเรียนรู้โดยการจำ/ทำ/ใช้’ เป็นการคิด/ค้น/แสวงหา’ หลักการที่3.วิธีสอน เปลี่ยนวิธีสอนจาก’ การเรียนรู้โดยการบรรยาย’ เป็น ‘การให้คำปรึกษา’ หลักการที่4.บทบาทผู้สอน เปลี่ยนบทบาทผู้สอนจาก’ การเป็นผู้ปฏิบัติเอง’ เป็น ‘การจัดการให้ผู้เรียนปฏิบัติ
5. ทฤษฎีเบื้องหลังการจัดการศึกษาแบบ RBL

          การวิจัยเป็นกิจกรรมการแสวงหาความรู้ใหม่ การใช้การวิจัยเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ก็เพื่อต้องการผลจากการวิจัย 2 ประการ คือ (1)ให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเอง ตามแนวคิดของ(ก)การจัดการศึกษาแบบ Constructivism ที่เชื่อว่า การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล บุคคลเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเองจากการสัมพันธ์สิ่งที่พบเห็นกับความรู้ความเข้าใจเดิมที่บุคคลมีอยู่เดิม หรือ(ข)แนวคิดของ Experience Learning ที่ว่า Experience learning takes the student out of the detached role of a vicarious learner and plunges her into the role of participant observer, performer, or even teacher หรือ(ค)แนวคิดของการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่ว่า องค์ความรู้หรือกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้รับจะมีคุณค่าและถาวรมากกว่าถ้าผู้เรียนเปลี่ยนจากการเรียนแบบรับ(passive learning)มาเป็นแบบรุก(active learning) (2)ให้ผู้เรียนได้พัฒนาคุณลักษณะที่การศึกษาต้องการประกอบด้วยการเป็นผู้ไฝ่รู้ การเป็นผู้มีวิธีการแสวงหาความรู้ การเป็นผู้มีความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง การเป็นผู้คิดอย่างอิสระไม่ต้องพึ่งพา การเป็นผู้นำตนเองและผู้อื่น อันเป็นคุณลักษณะที่การศึกษาพึงประสงค์

6. รูปแบบของการจัดการศึกษาแบบ RBL

          การจัดการศึกษาแบบ RBL นั้นมีรูปแบบการจัดการศึกษาดังนี้

          ก. RBL ที่ใช้ผลการวิจัยเป็นสาระการเรียนการสอน ประกอบด้วย(1)เรียนรู้ผลการวิจัย/
ใช้ผลการวิจัยประกอบการสอน(2)เรียนรู้จากการศึกษางานวิจัย/การสังเคราะห์งานการวิจัย
ข.RBL ที่ใช้กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการเรียนการสอน ประกอบด้วย (3)เรียนรู้วิชา
วิจัย/วิธีทำวิจัย(4)เรียนรู้จากการทำวิจัย/รายงานเชิงวิจัย (5)เรียนรู้จากการทำวิจัย/ร่วมทำโครงการวิจัย(6)เรียนรู้จากการทำวิจัย/วิจัยขนาดเล็ก(7)เรียนรู้จากการทำวิจัย/วิทยานิพนธ์ ดังรูป

                                    
7.ตัวอย่างวิธีการจัดการศึกษาแบบ RBL 
          ต่อไปนี้ขอเสนอตัวอย่างการจัดการศึกษาแบบ RBL ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเป็นกรณีศึกษา



        มหาวิทยาลัยDelaware,USA เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาตรี
ในปี ค.ศ.1997 มหาวิทยาลัยกำหนดวัตถุประสงค์ที่จะจัดโปรแกรมการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยโดยใช้กระบวนการวิจัย กำหนดเป้าหมายให้ผู้เรียนระดับปริญญาตรีเข้ามีส่วนร่วมในงานวิจัยของอาจารย์ให้มากที่สุด จัดสภาพแวดล้อมที่เน้นการศึกษาค้นคว้าให้กับผู้เรียนและให้ผู้เรียนร้อยละ50นำการวิจัยไปใช้ในการทำงานหรือศึกษาต่อ มหาวิทยาลัยทำกลยุทธ์ให้อาจารย์ทุกวิชาเข้าร่วมโครงการนี้ เพิ่มทุนการวิจัยแก่นักศึกษาปริญญาตรี เพิ่มวิชาที่เน้นการศึกษาค้นคว้าแก่นักศึกษาปีที่3-4 อย่างน้อย2วิชา กระบวนการทำโดยจัดให้นักศึกษาเป็นผู้ช่วยวิจัยแก่อาจารย์ จัดโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาทำวิจัย จัดค่ายวิจัยภาคฤดูร้อนและให้นักศึกษาทำวิทยานิพนธ์ เป็นต้น

        ผลปรากฏว่า อาจารย์ร้อยละ 63 เข้าร่วมในโครงการนี้ (จำนวน 604คน จาก 957คน) นักศึกษาระดับปริญญาตรีเข้าร่วมในโครงการ โปรแกรมวิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์เข้าร่วมโครงการร้อยละ 90 โปรแกรมสังคมศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์เข้าร่วมโครงการร้อยละ 81 และโปรแกรมคณิตศาสตร์เข้าร่วมโครงการร้อยละ55(จำนวน 422 คน จาก 504คน)


8. ตัวอย่างวิธีการจัดกิจกรรมการศึกษาแบบ RBL 
          ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ผลการวิจัย


ก.วัตถุประสงค์
          ให้ผู้เรียนเรียนรู้เนื้อหาสาระของศาสตร์จากผลงานวิจัย
ข.กิจกรรมการเรียนการสอน
          (1)ผู้สอนรวบรวมบทคัดย่องานวิจัย
          (2)ผู้สอนแนะนำวิธีการอ่าน การจับประเด็นสำคัญ
          (3)ให้นักศึกษาศึกษาสาระของศาสตร์จากบทคัดย่องานวิจัย
และสรุปความรู้
          (4)ให้นักศึกษาค้นคว้างานวิจัยเพิ่มเติม
ค.การประเมิน
          (1)ประเมินการแสวงหาแหล่งความรู้
          (2)ประเมินความสามารถในการสรุปสังเคราะห์ความรู้
          (3)ประเมินสาระความรู้ของศาสตร์

 (คัดจากสมหวังพิธยานุวัฒน์และทัศนีย์ บุญเติม 2546)

แหล่งที่มา : ผศ.ดร.กฤษดา กรุดทอง  รองอธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการ สถาบันราชภัฏ                                                 สวนสุนันทาhttp://isdc.rsu.ac.th/blog/20

แนวทางการจัดรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน (Research-Based Learning)

องค์ความรู้เรื่องแนวทางการจัดรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน ประกอบด้วย  3 องค์ความรู้ย่อย
                1) การออกแบบการสอน  มีขั้นตอน 8 ขั้นตอน คือ 1.1) หลักการสอน 1.2) วัตถุประสงค์ 1.3) เนื้อหา
1.4) ขั้นตอนการสอน 1.5) กระบวนการเรียนการสอน 1.6) การประเมินผล 1.7) ระบบปฏิสัมพันธ์ 1.8) ผลที่เกิดกับผู้เรียน
                2) แนวทางการจัดการเรียนการสอนแบบวิจัยเป็นฐาน  มี 2 แนวทาง คือ                                                                                   2.1) แนวทางที่ใช้ผลการวิจัยในการเรียนการสอน ความรู้ที่สำคัญ ประกอบด้วย บทบาทครู และบทบาทผู้เรียน ในขั้นเตรียมการสอน การดำเนินการสอน และการวัดและประเมินผล     
2.2) แนวทางที่ใช้กระบวนการวิจัยในการจัดการเรียนการสอน ความรู้ที่สำคัญ ประกอบด้วย บทบาทครู บทบาทผู้เรียน ในขั้นตอน การเรตรียมการสอน การดำเนินการสอนตามขั้นตอนการวิจัย (ระบุปัญหาการวิจัย การตั้งสมมติฐาน การพิสูจน์ทดสอบสมมติฐาน การเก็บรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล การสรุปผลการวิจัย) และการประเมินผล
3) ปัจจัยที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน ประกอบด้วยการบริหารจัดการ คุณลักษณะของผู้สอน และคุณลักษณะของผู้เรียน    การได้มาซึ่งองค์ความรู้
                1) ขั้นการสร้าง/แสวงหาความรู้ โดยการศึกษาแนวคิดทฤษฎีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน
                2) ขั้นการจัดการความรู้ให้เป็นระบบ อาจารย์ในภาคสร้างแนวทางการจัดรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐาน การออกแบบการเรียนรู้ด้วยใบงาน ในรายวิชาที่ภาควิชาฯรับผิดชอบ
                3) ขั้นประมวลและกลั่นกรองความรู้ อาจารย์ในภาควิชาฯ ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาแนวทางการจัดรูปแบบการเรียนการสอน และใบงานการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัย จัดรูปแบบ และการใช้ภาษาให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
                4) ขั้นการเข้าถึงความรู้ เจ้าของความรู้ได้จัดทำคู่มือแนวทางการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐานแจกจ่ายให้ครูนำไปใช้ในการสอน
                5) ขั้นการแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ครูได้นำแนวทางการสอนโดยใช้วิจัยเป็นฐานไปใช้และมีการประชุมเพื่อประเมินผลเพื่อการพัฒนาแนวทางดังกล่าว
                6) ขั้นการเรียนรู้ เจ้าของความรู้ได้ถอดบทเรียนและประสบการณ์การเรียนรู้โดยสกัดความรู้ออกเป็น 3 องค์ความรู้ ได้แก่ 1) การออกแบบการสอน 2) แนวทางการสอนแบบใช้วิจัยเป็นฐาน 3) ปัจจัยที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอน
การเรียนรู้หรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ความรู้

อ้างอิง        น.ท.หญิง วัชราพร เชยสุวรรณ  ภาควิชาการพยาบาลอนามัยชุมชน วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ศูนย์วิทยาการ กรมแพทย์  ทหารเรือ . www.nmd.go.th/kmnmd2/images/content/Doc_KM5/B12.doc