ทฤษฎีรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐาน
(dominant
design)
ทฤษฎีรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐาน หรือทฤษฎีการออกแบบที่โดดเด่น
(dominant
design) เป็นการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมที่ก้าวผ่านเทคโนโลยีแบบเดิมๆ
โดย Schumpeter ได้กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เป็น “creative
destruction” เป็นการทำลายที่สร้างสรรค์ เป็นการปรับปรุงสินค้า
บริการ หรือวิธีการปฏิบัติงานให้ดีขึ้นที่ละเล็กทีละน้อยจนถึงจุดที่เรียกว่า Dominant
Design แบบที่พร้อมออกสู่ตลาด จุดเริ่มต้นของรูปแบบการแข่งขัน
ซึ่งอาจจะมีการลอกเลียนแบบหรือเพิ่มเติม ปรับปรุงบางส่วนให้ดียิ่งขึ้น ช่วงที่มีความเกี่ยวข้องกับ dominant
design ได้แก่
1.
ช่วงเริ่มต้นที่ยังไม่มีความชัดเจน (Fluid phase) เป็นช่วงที่มีการค้นคว้าและทดลองผลิตสินค้าใหม่ หรือเทคโนโลยีใหม่
เข้าสู่ตลาด ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีอะไรแน่นอน
ไม่รู้ว่าทำไปแล้วลูกค้าจะต้องการหรือไม่ ตลาดจะยอดรับหรือเปล่า
ซึ่งการทดลองในช่วงนี้ ได้เริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
จนกระทั่งถึงจุดที่เรียกว่า Dominant Design
2. ช่วงที่เกิดเป็นรูปและร่าง Transition
Phase เป็นช่วงที่เกิด Dominant design เปลี่ยนแปลงโครงสร้างแล้ว
ซึ่งมีการผลิตออกสู่ตลาดแล้ว อาจเกิดการลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์นั้น ได้
กลุ่มผู้ผลิตเดิมในยุคนั้น
มุ่งเน้นทำการผลิตเพื่อตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้า จนมองข้ามโอกาสในการพัฒนาการเจาะตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อมหาศาล
เพราะตลาดใหม่มักจะเริ่มจากตลาดเล็ก ผู้ผลิตเองก็ไม่สามารถผลิตแบบเต็มกำลัง
และอาจยังไม่สามารถระบุความต้องการที่ชัดเจนได้
โดยส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากความยุ่งยาก ความไม่แน่นอน เนื่องจากตลาดมีขนาดเล็กและไม่ชัดเจนว่าจะมีโอกาสในการเติบโตมากน้อยเพียงใด
กลุ่มลูกค้าใหม่ในธุรกิจ PC
นี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการคอมพิวเตอร์ใช้ที่บ้าน
ได้กลายมาเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดของผู้ผลิต ดังนั้นจะต้องมีการพิจารณาว่า
อะไรควรจะเป็น Dominant design ของลูกค้ากลุ่มนี้
ที่มีการพิจารณาราคาและประสิทธิภาพที่แตกต่างจากเดิมเป็นสำคัญ
นอกจากนั้นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
เริ่มมองเห็นผลประโยชน์ที่จะได้รับจาก “ไดรฟ์” ที่มีรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ยังคงมีฟังก์ชันการใช้งานตามที่พวกเขาต้องการ
ในราคาที่ถูกลงและประสิทธิภาพสูงขึ้น
ดังนั้นเทคโนโลยีที่ใช้ในการออกแบบ Dominant design จะต้องมีความสามารถเพียงพอและเชื่อถือได้
ในที่สุดผู้ผลิตก็สามารถคิดค้น พัฒนาสินค้าจนถูกใจ
ไม่เพียงแต่กับลูกค้ากลุ่มใหม่เท่านั้นลูกค้าเดิมก็
พอใจกับสินค้าที่มีราคาและประสิทธิภาพน่าดึงดูดใจจนพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีกว่าเดิม
รวมถึงสร้างความแตกต่างของสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น
พยายามทำให้สินค้าราคาถูก แต่มีคุณภาพสูง
อ้างอิง
:
http://mrslaongtip.wordpress.com. ค้นเมื่อ 12 ธันวาคม 2557.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น