Siemens
ผู้เสนอทฤษฎี Connectivism มีความคิดเห็นว่าทฤษฎีการเรียนรู้ที่มีอยู่ปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิตอล
เมื่อมีการเชื่อมโยงได้อย่างรวดเร็วทำให้ความรู้ที่มีอยู่นั้นอายุสั้นลง
ความรู้ที่ทันสมัยในปัจจุบันกลายเป็นความรู้ที่ล้าสมัยในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนอย่างรวดเร็วตลอดเวลาจึงทำให้เราจำเป็นจะต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ทฤษฎีการเชื่อมต่อ
Connectivism
เป็นทฤษฎีที่เกิดมาจากความก้าวหน้าของอินเทอร์เน็ตซึ่งเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นทฤษฎีการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล
ช่วยตอบสนองและเสริมทฤษฎีการเรียนรู้ที่มีก่อนนี้ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่การเรียนรู้นั้นยังไม่เกิดผลกระทบจากเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล
ทฤษฎีนี้มีความเชื่อว่าการเรียนรู้มีการเลื่อนไหลไม่หยุดนิ่งความรู้ต่างๆเกิดขึ้นทุกเวลานาที
นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็วที่ล้วนกระทบต่อชีวิตความ เป็นอยู่ของคนเรา อีกทั้งยังเปลี่ยนแปลงทิศทางของการเรียนรู้ด้วย เช่น
จากการเรียนรู้ว่าอย่างไร และรู้อะไรเป็นการเรียนรู้ว่าจะหาความรู้ได้ที่ใดการเรียนรู้นอกระบบมีความสำคัญต่อประสบการณ์การเรียนรู้
การเรียนรู้เกิดขึ้นจากวิธีการหลากหลาย เช่น จากชุมชน
จากเครือข่ายบุคคล และจากการทำงานให้สำเร็จ การเรียนรู้ ยังเป็นกระบวนการต่อเนื่องตลอดชีวิต
การประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีหรือการเรียนการสอน
ความรู้จะถูกเชื่อมโยงอย่างเหมาะสมทั้งทางด้านความรู้ฐานข้อมูล
สิ่งแวดล้อม พฤติกรรม การรับการถ่ายโอนข้อมูล การไหลของข้อมูล
เครือข่ายทางสังคมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ในการเรียนรู้แบบยุคดิจิตอลเช่น
การหาข้อมูล ทักษะการทำอาหาร ผู้เรียนสามารถเข้าไปหาข้อมูลเริ่มจากต้องการจะทำอาหารเย็น
โดยเริ่มจากสิ่งที่ต้องการค้นหา สามารถเข้าไปค้นหาผ่านทางระบบค้นหา Search
ระบบจะนำพาข้อมูลเว็บไซต์ทั้ง วิดิโอสอนทำอาหาร รูปภาพ พิกัดที่ตั้งแผนที่ร้านอาหาร
Blogs เว็บสังคมออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ใช้ต้องการเรียนรู้วิดีโอการเรียนรู้
สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ Youtube เพื่อดูวิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ค้นหา
ประกอบกับบริการของ Youtube เป็นบริการแบบการโพสวิดีโอแบบสังคมออนไลน์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่โพส
หรือข้อมูลที่ใกล้เคียงจะเชื่อมโยงให้ผู้เรียนเข้าไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยในบางวิดีโอจะมีการแสดงความคิดเห็นที่ผู้แสดงความคิดเห็นรายอื่นๆ
สามารถพิมพ์ข้อความ ลิงค์ที่น่าสนใจ และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องทำ ให้ผู้เรียนรู้สามารถคลิกเข้าไปเรียนรู้เพิ่มเติมและทำ
ความเข้าใจ หรือทำการค้น หาในคำพูด หรือสิ่งที่ผู้แสดงความคิดเห็นแสดงไว้ได้
กรณีศึกษาหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
นาวิน คงรักษา, ปณิตา วรรณพิรุณ
(ม.ป.ป.).การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านเอมเลิร์นนิ่งตามแนวทฤษฎีการเชื่อมต่อด้วยวิธีการปริทัศน์ความรู้จากสภาพแวดล้อมจริง.
มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
วิจารณ์
สงกรานต์.(ม.ป.ป.) การบูรณาการLearningobject กับ
Facebook เพื่อการเรียนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง.มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
สาขาคอมพิวเตอร์ศึกษา
กวิทธิ์
ศรีสัมฤทธิ์.(ม.ป.ป.) การใช้ระบบประมวลผลก้อนเมฆเพื่อใช้สำหรับการเรียนรู้ตามแนวทางทฤษฎีการเชื่อมโยงนิยม.
สรุป การจัดการเรียนรู้แบบ “Connectivism”
เป็นทฤษฎีการเรียนรู้แบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และมีบทบาทใช้ชีวิตของมนุษย์มากขึ้น ซึ่งการนำทฤษฎีนี้มาใช้ต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลความรู้จากแหล่งความรู้ต่างๆ
มากมาย และเป็นองค์ความรู้ที่เป็นปัจจุบัน
ทำให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณค่ะ
ตอบลบ